EP 13: Alberti Cipher

AW

EP 13: Alberti Cipher

การเข้ารหัสลับใน EP นี้เราจะพาทุกคนย้อนกลับไปในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) ที่เกิดในช่วงเวลาระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 14-16 เป็นจุดเชื่อมต่อของประวัติศาสตร์สองยุค คือการนำเอาศิลปวิทยาการของ กรีกและโรมันมาศึกษาใหม่ และทำให้เจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง การฟื้นฟูศิลปวิทยาการเริ่มขึ้นที่นครรัฐต่างๆ บนคาบสมุทรอิตาลี ซึ่งมีความมั่งคั่งและร่ำรวยจากการค้าขาย ต่อมาจึงแพร่หลายไปสู่บริเวณอื่นๆ ในยุโรป และถ้าหากกล่าวถึงบุคคลสำคัญท่านหนึ่งในยุคนี้ที่หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันดีก็คือ เลโอนาร์โด ดา วินชี ผู้วาดภาพ โมนาลิซ่า (MONALISA) เป็นภาพหญิงสาวที่มีรอยยิ้มปริศนากับบรรยากาศของธรรมชาติ นั่นเอง

ซึ่งที่เรากล่าวถึง ยุค Renaissance เป็นเพราะว่า การเข้ารหัสใน EP นี้ที่มีชื่อว่า “Alberti Cipher” เป็นการเข้ารหัสที่มาจากประเทศอิตาลี ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1467 โดย Leon Battista Alberti สถาปนิกชาวอิตาลี ซึ่งถือได้ว่าเป็น ผู้ริเริ่มหลักของทฤษฎีศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) และในด้าน บุคลิกภาพ ผลงาน และความรู้ที่ครอบคลุมศาสตร์หลายแขนง ทำให้ Alberti ถือได้ว่าเป็นบุคคลต้นแบบในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา จนได้รับสมญานามว่า “universal man.” และนอกจากนั้น คือ เขายังเป็นผู้พัฒนาวิธีการเข้ารหัสที่ปฏิวัติ การเข้ารหัสในฝั่งตะวันตก อีกด้วย

Alberti Cipher เป็นการเข้ารหัสที่ใช้การเข้ารหัสแบบ Substitution Ciphers (การเข้ารหัสโดยการแทนที่ตัวอักษร) แต่เขาไม่ได้มาแทนที่ตัวอักษรธรรมดา ๆ เพราะเขามาพร้อมกับอุปกรณ์เข้ารหัสที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกับกระดานปาเป้า


image

ตัวกระดานที่เขาใช้ในการเข้ารหัสมีชื่อว่า “Alberti’s Cipher Disk” ซึ่งในอดีตจะทำจากไม้หรือเหล็ก เป็นเเผ่นวงกลมที่จะประกอบไปด้วย เเผ่น 2 แผ่นซ้อนกัน โดยที่เเผ่นด้านนอกที่ใหญ่กว่า เรียกว่า “Stabilis” จะไม่สามารถหมุนได้ ประกอบด้วย ABCDEFGILMNOPQRSTVXZ1234 ส่วนแผ่นด้านในจะเล็กกว่า เรียกว่า “Mobilis” จะสามารถหมุนได้ ประกอบด้วย gklnprtuz&xysomqihfdbace

ทุกคนสามารถ คลิกรูปภาพด้านล่าง เพื่อศึกษาวิธีการเข้ารหัสแบบ Alberti Cipher

  1. กำหนดข้อความที่ต้องการจะเข้ารหัส คือ VENETIAN CRVPTOGRAPFIES (CRVPTOGRAPFIES มีการปรับมาจาก CRYPTOGRAPHIES เพื่อให้ตรงกับตัวอักษรที่มีในวงแหวนรอบนอก)

  2. เราจะต้องกำหนดตัวอักษรของวงแหวนด้านในและด้านนอกก่อน เพราะว่าในการเข้ารหัสเราจะต้องหมุนให้ตัวอักษรที่กำหนดตรงกัน ดังนั้นเราจะกำหนดตัวอักษรเริ่มต้นของวงแหวนด้านในเป็น m ทั้ง 2 ข้อความ และวงแหวนรอบนอกเป็น T สำหรับข้อความแรก และ F สำหรับข้อความหลัง จะได้ mVENETIAN mCRVPTOGRAPFIES

  3. ในข้อความแรก mVENETIAN ให้หมุนตัวอักษร m วงแหวนด้านในให้ตรงกับ T ในวงแหวนด้านนอก ดังรูปที่ 2 ซึ่ง T จะกลายเป็นอักษรตัวแรกของข้อความเข้ารหัสของเรา เพื่อแสดงให้เห็นว่า เวลาถอดรหัสต้องเริ่มต้นจากที่ใด

    Alberti cipher-2

จากนั้นเทียบข้อความที่ต้องการเข้ารหัส mVENETIAN กับวงแหวนด้านนอกแล้วนำตัวอักษรจากวงแหวนด้านในที่ตรงกันออกมาเขียน โดย m ในข้อความ เป็นตัวบอกจุดเริ่มต้น จะเเทนที่ด้วย T ที่เรากำหนด จากนั้นให้เรา นำตัวอักษร V ไปเทียบกับตัวอักษรในวงแหวนด้านนอก จะได้ q เป็นต้น เทียบตัวอักษรจนครบทั้งข้อความ จะได้ "Tqlzlmrcz "

  1. ในข้อความหลัง mCRVPTOGRAPFIES ให้หมุนตัวอักษร m ในวงแหวนด้านในให้ตรงกับ F ในวงแหวนด้านนอก ดังรูปที่ 3 ซึ่ง F จะกลายเป็นอักษรตัวแรกของข้อความเข้ารหัสของเรา เพื่อแสดงให้เห็นว่า เวลาถอดรหัสต้องเริ่มต้นจากที่ใด

    Alberti cipher-3

เทียบข้อความเข้ารหัสเหมือนในข้อความแรก จะได้ Fyelakbqe&amiog

  1. เมื่อเข้ารหัสทั้ง 2 ข้อความจาก mVENETIAN mCRVPTOGRAPFIES จะเข้ารหัสได้เป็น TqlzlmrczFyelakbqe&amiog (เขียนติดกันได้เลย เพราะเรามีตัวอักษรพิมพ์ใหญ่บอกจุดเปลี่ยนของคำแทรกอยู่แล้ว)

ส่วนขั้นตอนการถอดรหัสแบบ Alberti Cipher ผู้รับและผู้ส่ง จะต้องกำหนดรูปแบบการตั้งค่าตัว Alberti’s Cipher Disk ให้ตรงกัน ถึงจะสามารถถอดรหัสออกมาได้

  1. ตั้งค่า Alberti’s cipher disk ให้ตรงกับตอนเข้ารหัส โดยจะเราต้องทราบตัวอักษรเริ่มต้นของวงแหวนด้านในที่กำหนดมาจากตอนเข้ารหัส คือ m และรหัสลับ TqlzlmrczFyelakbqe&amiog

  2. ให้ดูจุดเริ่มต้นคำจากตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่ ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนของแผ่นดิสก์ ที่เราต้องทำการหมุนตัวอักษรเริ่มต้นที่วงแหวนด้านในให้ตรงกับตัวอักษรนั้น จากรหัสที่เราได้มา TqlzlmrczFyelakbqe&amiog ข้อความแรกจะขึ้นต้น ด้วย F ให้เราทำการหมุน m ให้ตรงกับ T ดังรูปที่ 4 และ ข้อความหลังจะขึ้นต้นด้วย F ให้เราทำการหมุน m ให้ตรงกับ ดังรูปที่ 5

    Alberti cipher-4 Alberti cipher-5

  3. เมื่อหมุนดิกส์ได้ตามข้อที่ 2 แล้ว ให้นำรหัส TqlzlmrczFyelakbqe&amiog เทียบกับตัวอักษรในวงเเหวนด้านใน จากนั้นดูตัวอักษรที่วงแหวนรอบนอกที่ตรงกัน จากข้อความแรกคือ Tqlzlmrcz จะถอดรหัสได้เป็น VENETIAN และข้อความหลังคือ Fyelakbqe&amiog จะถอดรหัสได้เป็น CRVPTOGRAPFIES รวมเป็น VENETIAN CRVPTOGRAPFIES (ตัดตัวอักษร T และ F ที่เป็นตัวบอกจุดเริ่มต้นออกได้เลย)

เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับการเข้ารหัสแบบ Alberti Cipher ที่เรานำมาเล่ากันใน EP นี้

การเข้ารหัสของศิลปิน ก็จะค่อนข้างไม่ธรรมดาเลยใช่ไหมล่ะ มีอุปกรณ์ให้เราได้ใช้ด้วย ส่วนเจ้าตัว Alberti’s Cipher Disk หากใครอยากทดลองเข้ารหัส สามารถไปลองเล่น Alberti’s cipher disk กันได้ที่ Venetian Cryptography :: Alberti Cipher Disk (tonyo.info) หรือจะซื้อของจริง ๆ มาเล่นก็ได้เลย มีขายในออนไลน์นะ


https://drive.google.com/file/d/1dxhAf9JOd5jNIq1tnThW-T8syWXyPD6v/view?usp=sharing

@Namtan
พี่ว่ามันยืดจนเกินไป อ่านแล้วเข้าใจยากเพราะมันหลายข้อเกิน พี่ว่ารวบมันไหมครับ เหมือนใจความสำคัญจริงๆ จะอยู่ตรงนี้

เราลองพยายามตั้งเป้าหมายใหม่อธิบายให้คนเข้าใจหลักการนี้ให้ได้ครับ โดยจะต้องอธิบายกฏต่างๆ เช่น จานบนหมุนได้ จานนอกคงที่ หรือ อักษรแรกคือตัวเซตค่าของจาน ไรงี้ครับ (อันนี้เข้าใจว่าน่าจะแปลมาจากต้นฉบับรึเปล่า เลยแตกข้อซะยืดยาวเชียว ลองเปลี่ยนมาอธิบายใหม่ในแบบของเราดูนะครับ)

@Pantitas @Namtan โพสนี้อาจจะทำมุขขำๆ เป็นแนวแร๊ปเปอร์ โย่วๆ หรือ ดีเจ ที่กำลังสแครชแผ่นดิช

รหัสตัวที่ 2 มันไม่น่าจะใช่ b ปะครับ มันน่าจะเป็น q หรือเปล่าครับ เพราะตัวอักษรในจานหมุนด้านในมันเรียงแบบนี้ “gklnprtuz&xysomqihfdbace”

เอออันนี้พี่ก็คิดเหมือนกัน ว่ามันเป็น q คิดว่าตัวอย่างที่ดูมาเหมือนมันน่าจะทำไม่ถูก เดี๋ยวแก้เป็น q จ้า

@Namtan

  • การเข้ารหัสใน EP นี้มีชื่อ…
  • อ่านแล้วงง น่าจะเขียนผิด?
  • @anakornk อ่านแล้วงงไหม มีอะไรเพิ่มเติมไหมครับ ?

@Namtan พี่อ่านแล้วโอเคแล้วครับ

@Pantitas

  • ภาพ 5/11 ผลลัพธ์ผิดครับ
  • ภาพรวมอ่านแล้วชอบครับเข้าใจง่ายมากๆ เก่งมากครับ
  • ถ้าแก้ไขตามที่แจ้งแล้วสำหรับพี่ถือว่าผ่านแล้วครับไม่ต้องตรวจอีกรอบ